✅รู้แล้วบอกต่อผู้ขับขี่ควรรู้ว่าการใช้โทรศัพท์ในขณะรถติดหรือติดไฟแดงนั้น ถือว่ามีความผิด เช่น ไม่ว่าจะเป็นการกดหมายเลขโทรออก รับสาย เล่นเกม ดูหรือพิมพ์ข้อความ ดูภาพ และกิจกรรมอื่น ๆ เพราะถือว่ายังอยู่ระหว่างการขับขี่ เพราะทำให้เสียสมาธิในการขับรถ
✅การตอบพิมพ์แชทขณะขับรถ ผู้ขับขี่ที่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถมีโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตร 43 ถือมีความผิดตามกฎหมายมีโทษปรับไม่เกิน 400-1,000 บาท ขณะขับรถเว้นแต่การใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา โดยผู้ขับขี่ต้องไม่ถือหรือจับโทรศัพท์ แอดมินแนะนำข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ให้ปฏิบัติ ดังนี้ 👉1.ใช้อุปกรณ์เสริมในการสนทนาทางโทรศัพท์ อาทิ แฮนด์ฟรี สมอลล์ทอล์ค บลูทูธ หรือเปิดลำโพง แต่ห้ามคุยโทรศัพท์แบบหนีบไว้กับคอหรือให้ผู้อื่นถือให้ 👉2.ให้เพื่อนรับโทรศัพท์แทน กรณีไม่มีอุปกรณ์เสริม หรือจอดรถคุยโทรศัพท์ในบริเวณที่ปลอดภัย 👉3.ไม่ควรใช้โทรศัพท์เป็นเวลานาน และหลีกเลี่ยง บทสนทนาที่ส่งผลต่ออารมณ์ เพราะทำให้เสียสมาธิในการขับรถ 👉4.ใช้ระบบนำทาง GPS โดยตั้งจุดหมายการเดินทางและศึกษาเส้นทางก่อนออกรถ เพื่อป้องกันการละสายตาจากเส้นทาง และความลังเลจากการตัดสินใจเลือกใช้เส้นทาง 👉5.ใช้ระบบฝากข้อความ เพื่อหลีกเลี่ยงการรับโทรศัพท์ขณะขับรถ ✅อยากให้เพื่อนๆตระหนักถึงความปลอดภัยในขณะขับขี่รถ โดยการเริ่มต้นงดใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ และหลายครั้งทำให้เกิดปัญหารถติด ขอบคุณข้อมูล : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอบคุณบทความจาก : นำสินประกันภัย ก่อนออกเดินทางควรทำประกันภัยรถยนต์ เสริมความมั่นใจด้วยประกันภัยรถยนต์ สนใจประกันรถยนต์ ราคาสมาชิก เพิ่มเพื่อนขอใบเสนอราคา ได้ที่ https://lin.ee/JKE4niJ หรือโทร.061-301-3547
0 Comments
อยู่บ้าน Work from home มานาน หลายคนอาจสงสัยว่ารถที่จอดเฉยๆ ไม่ค่อยได้ใช้งานนั้น สร้างปัญหาได้ด้วยเหรอ? ซึ่งจริงๆ แล้ว การที่จอดรถทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน สามารถสร้างปัญหาได้มากกว่าที่คุณคิด จะมีปัญหาอะไรบ้างตามมาดูกันเลย
1.รถสตาร์ทไม่ติด ปัญหานี้เกิดได้บ่อย ซึ่งสาเหตุหลักๆ มักจะเกิดจากแบตเตอรี่เสื่อม หรือมอเตอร์สตาร์ทเสื่อม สามารถแก้ได้ด้วยการพ่วงแบตกับรถคันอื่นๆ หรือถ้าตรวจสอบแล้วมีการเสื่อมสภาพมากจนเกินไป ควรนำรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจสภาพและเปลี่ยนแบตลูกใหม่ทันที 2.ยางรถยนต์ใช้งานไม่ได้ เพราะรถที่ถูกจอดทิ้งเป็นเวลานานไม่มีการเคลื่อนไหวไปไหน ทำให้หน้ายางด้านที่สัมผัสกับพื้นต้องรับน้ำหนักอยู่ฝั่งเดียว และเนื่องจากพื้นมีความร้อนสูง จึงส่งผลให้หน้ายางนั้นเสื่อมสภาพเร็วขึ้น 3.น้ำมันรถเสื่อมสภาพ เนื่องจากเครื่องยนต์ไม่ได้ถูกใช้งานจอดนิ่งไม่เคลื่อนไหว อาจส่งผลให้น้ำมันรถหรือน้ำมันเครื่องยนต์ต่างๆ เกิดการเสื่อมสภาพ เช่น เกิดเชื้อรา แบคทีเรีย หรือแห้งคาถังก็เป็นได้ 4.สัตว์เข้าไปอยู่อาศัย ปัญหานี้เรียกว่าเป็นปัญหาหนักใจอีกอย่างนึง เพราะเจ้าสัตว์ตัวร้ายมักจะไม่ได้เข้าไปเพื่ออาศัยแต่เพียงอย่างเดียว บ่อยครั้งที่มันชอบกัดสายไฟต่างๆ ภายในรถ โดยที่เราไม่รู้ตัว พอจะใช้รถอีกครั้งรถดันพังเสียแล้ว 5.สภาพรถเก่ากว่าเดิม แค่จอดรถทิ้งไว้วันเดียวฝุ่นก็เกาะแล้ว แต่เมื่อต้องจอดทิ้งไว้เป็นเดือนโดยไม่ได้ใช้งาน สภาพรถต้องเก่าลงอย่างแน่นอน ทั้งฝุ่น ลม แดด ฝน หรือมูลสัตว์ สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้สีรถถลอกหรือเสื่อมสภาพลงจนเกิดสนิมได้ จบไปกับ 5 ปัญหาปวดหัวกับรถที่ไม่ได้ใช้งาน ผู้ขับขี่หลายท่านคงนั่งกุมขมับพร้อมกับตั้งคำถามว่า “แล้วจะทำอย่างไรเมื่อต้องจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานานๆ?” 1.หมั่นสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อกระตุ้นการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ให้น้ำมันที่ค้างอยู่ได้เกิดการหมุนเวียนเอาน้ำมันใหม่มาแทน ป้องกันการเสื่อมสภาพของตัวเครื่องและน้ำมัน 2.เช็คอายุของแบตเตอรี่อยู่เสมอ โดยส่วนใหญ่แบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 1.5 - 2 ปี แต่เมื่อรถต้องจอดทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ได้ใช้งาน อายุของแบตเตอรี่จะสั้นกว่าเดิม การเช็คสภาพแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ 3.หาอุปกรณ์ป้องกันสิ่งมีชีวิตที่จะเข้ามาอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น ลูกเหม็น ยาไล่หนูต่างๆ เพื่อป้องกันการย้ายรังมาอาศัยอยู่ที่รถคันโปรดของเราได้ 4.ควรล้างรถอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง ป้องกันการฝังแน่นของคราบสิ่งสกปรกทั้งหลายที่ปลิวมาเกาะ และควรหาผ้าคลุมรถปิดให้มิดชิดเพื่อป้องกันฝุ่น ลม และเลี่ยงจอดในที่แดดจัดหรือกลางแจ้ง ** ขอบคุณบทความดีดี จาก บ.วิริยะประกันภัย สนใจประกันรถยนต์ บ.วิริยะประกันภัย โทร.061-301-3547 หรือเพิ่มเพื่อนขอใบเสนอราคาได้ที่ https://lin.ee/JKE4niJ เมืองไทยนับเป็นเมืองที่อากาศร้อนมีมากที่สุด แทบจะร้อนทุกวันเลยก็ว่าได้ ทำให้ผู้ขับขี่หลายคนเลือกที่จะยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นขณะจอดรถไว้กลางแดด เพราะคิดว่ามันจะช่วยลดการเสื่อมสภาพของยางปัดน้ำฝนได้ไม่มากก็น้อย เนื่องจากต้องจอดรถเป็นเวลานาน หากไม่ยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นตัวยางอาจจะละลายติดกับกระจกได้
แต่ที่จริงแล้วการยกหรือไม่ยกก้านปัดน้ำฝนขึ้น แทบจะไม่มีผลอะไรเลย เนื่องจากความร้อนจากแดดก็ส่งผลเสียให้ยางเสื่อมสภาพอยู่ดี โดยก้านปัดน้ำฝนเป็นอุปกรณ์ที่มีอายุการใช้งานเพียงแค่ 1 ปี และเป็นส่วนที่เสื่อมสภาพบ่อยอยู่แล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพวัสดุและการดูแลรักษาด้วย ในทางกลับกันการยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นไว้เป็นเวลานาน อาจทำให้ตัวสปริงที่ยึดใบปัดให้แนบสนิทกับกระจกเกิดการยืดตัวได้ ส่งผลให้ปัดน้ำฝนไม่เกลี้ยงเนื่องจากมีแรงกดน้อยลง หรือลามไปจนมีเสียงรบกวนขณะปัดน้ำฝนได้ ดังนั้นการดูแลก้านปัดน้ำฝนที่ดีที่สุดคือเปลี่ยนใหม่ทุก 1-2 ปี หรือเมื่อไหร่ที่สังเกตุเห็นว่าเริ่มแข็งกรอบ ฉีกขาด หรือปัดน้ำฝนไม่เกลี้ยง ควรทำการเปลี่ยนทันที การดูแลเพื่อยืดอายุการใช้งานของก้านปัดน้ำฝนอีกอย่างหนึ่งคือ ไม่ควรปัดในขณะที่กระจกแห้ง เพราะจะทำให้ความคมของยางปัดสึก ควรจะฉีดน้ำก่อนปัดเสมอ และหมั่นทำความสะอาดก้านปัดสัปดาห์ละครั้ง เพื่อไม่ให้เศษฝุ่นที่ติดอยู่ขูดกับกระจกรถจนเป็นรอย เพียงเท่านี้ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานก้านปัดน้ำฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว **ขอบคุณบทความดีดี จาก วิริยะประกันภัย สนใจประกันรถ บ.วิริยะประกันภัย โทร.061-301-3547 เพิ่มเพื่อนขอใบเสนอราคาได้ที่ https://lin.ee/JKE4niJ ☝🏻ฟิน ยืนยัน แจกใหญ่ แจกจริง
🤭ของแท้ ของจริง ต้องฟินเท่านั้น!! 🥰มาแจ้งงานลุ้นรางวัลใหญ่กัน (สิทธิ์นี้เฉพาะสมาชิกฟินเท่านั้น!) 💖ยืนหนึ่งเรื่องแพลตฟอร์มประกัน 💖ยืนหนึ่งเรื่องโครงสร้างแผนการตลาด 💖ยืนหนึ่งเรื่องแจกหนัก แจกจริง ฟินฟิน 👉พร้อมเก็บคูปองได้ที่ ‘แอพฟิน’👈 #ส่งงานกับฟินเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น 💢จะซื้อใช้ หรือส่งงาน ลุ้นคูปองได้ 🔴สนใจซื้อประกันรถราคาสมาชิก คลิก 👉https://bit.ly/3q6iQcj 🔴สนใจทำธุรกิจขายประกันรถ คลิก 👉 https://bit.ly/2Zey1FG 📌แชทไลน์สอบถามรายละเอียด คลิก👉 https://lin.ee/1N3s0Nb 💢ฉลองเปิดประเทศ
|